คุณซูซาน การ์เบอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ กล่าวถึงความสำคัญของ คุณภาพ การเข้าถึง ราคาที่เหมาะสม และความโปร่งใส ในการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก
เราต่างรู้ว่าปัจจัยใดที่จะทำให้มี ‘โรงแรมนั้นดีที่สุด' หรือ ‘คุณครูนั้นดีที่สุด’ และ 'เพื่อนที่ดีที่สุด’ แต่เราทุกคนรู้หรือไม่ว่า ‘การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด’ นั้นมีปัจจัยอะไรบ้าง
คุณซูซาน การ์เบอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ นักเขียน และผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งร้ายถึงสองครั้ง รู้ว่าปัจจัยนั้นคืออะไร
“ปัจจัยดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนมักไม่ค่อยคำนึงถึง” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันอบอุ่น “เรามักใช้เวลาสำหรับการหาร้านอาหารที่เราอยากไปรับประทาน มากกว่าการใช้เวลาคิดว่า จะเข้ารับการรักษาจากแพทย์หรือโรงพยาบาลไหนดี หัวข้อหนึ่งเป็นการตัดสินใจที่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่อีกหัวข้อเป็นเพียงเรื่องอาหารกลางวันเพียงมื้อเดียว ”
คุณซูซาน ในฐานะคณะกรรมการขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรและมนุษยธรรมหลายแห่ง เธอได้เข้าร่วมการเสวนาในที่ประชุมระดับนานาชาติในหัวข้อต่าง ๆ รวมถึงเครือข่ายทางการแพทย์ ความปลอดภัย และโลกาภิวัฒน์ ถือเป็นส่วนหนึ่งในงานของเธอ
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของเธอชื่อ GAUZE: Unraveling Global Healthcare เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอประสบการณ์จากการเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง เป็นบุคคลสองสัญชาติ และจากการดำรงชีวิตมาแล้วใน 8 ประเทศจากทั้งหมด 101 ประเทศที่เธอเคยไป เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล (Aetna International) ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณซูซานเพื่อสอบถามว่า สิ่งใดเป็นปัจจัยที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับการดูแลสุขภาพ ความแตกต่างของภูมิภาคที่มีผลต่อการรับรู้ถึงสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ และปัจจัยที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ผลกระทบของความแตกต่างในระดับภูมิภาคสำหรับการเข้าถึง ‘รูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด’
อะไรคือสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ หากกล่าวถึงการดูแลสุขภาพ ?
การดูแลสุขภาพสามารถประเมิณคุณค่าได้จากปัจจัย 3 ประการ
รูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดเป็นการดูแลแบบองค์รวม รวมถึง วิถีชีวิต แนวทางการโภชนาการ สุขภาพจิต การออกกำลังกาย เป็นรูปแบบที่แพร่หลายมากในแถบตะวันออกไกล ที่จะดูแลแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่การวินิจฉัยอาการใดอาการหนึ่งของแต่ละบุคคล โรงเรียนแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา แพทย์มักผ่านการสอนให้หาอาการเพื่อวินิจฉัยโรค โดยไม่คำนึงถึงการพิจารณาแบบองค์รวมทุกลักษณะอาการ ส่งผลให้มีประชากรจำนวนถึง 250,000 ราย ในสหรัฐอเมริกาต้องเสียชีวิตลงจากการวินิจฉัยที่ผิดพลาดทางการแพทย์*
[* แหล่งที่มา ผลการศึกษากรณีของ Johns Hopkins’ โดย Dr. Marty Makary ในวารสาร British Medical Journal (ฉบับเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016)]
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการ คณะแพทย์ และผู้ป่วยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลสำคัญเช่นเดียวกัน
งานส่วนหนึ่งของคุณคือการไปตรวจสอบหนังสือรับรองของโรงพยาบาลต่างๆทั่วโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ คุณคิดว่ารูปแบบการดูแลสุขภาพที่ ‘ดีที่สุด’ นั้นอยู่ที่ใด?
ไม่มีที่ไหนสมบูรณ์แบบ ในฐานะที่ฉันเคยไปมาแล้วทั้งหมด 101 ประเทศ เมื่อพิจารณา 3 ปัจจัยหลักคือ ความโปร่งใส การเข้าถึงได้ และคุณภาพ ไม่มีที่ใดเลยที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ
ประเทศสิงคโปร์นั้นมีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดี แต่ยังขาดความโปร่งใสในแง่ของผลลัพธ์
ประเทศฝรั่งเศสมีรูปแบบของระบบที่มีลักษณะพิเศษ เช่นเดียวกันกับสหราชอาณาจักร แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการรอคอย แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้วก็ถือว่าไม่ได้แย่มากนัก
ประเทศอินเดียมีการเข้าถึงที่ดี แต่บางเขตพื้นที่ยังขาดเรื่องคุณภาพ หากคุณมีเงิน คุณก็สามารถเข้าถึงคุณภาพได้เสมอ ซึ่งก็หมายถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
ปัญหาที่ส่งผลต่อการนิยามคำจำกัดความ คำว่า ‘ดีที่สุด’
เราต่างพูดถึงสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของวันหยุดที่ดีที่สุด กาแฟที่ดีที่สุด การนอนหลับพักผ่อนที่ดีที่สุดตลอดคืน แต่เรากลับไม่ได้นึกถึงการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด คุณไม่เคยได้ยินใครพูดว่า ‘ฉันมีแพทย์ที่ดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่ดีที่สุด’ หรือ 'ฉันมีลำไส้ที่ดีที่สุด’ เราต่างกำหนดสิ่งที่เราเลือกที่จะสวมใส่ สิ่งที่เราจะรับประทาน รวมถึงรูปแบบทรงผมของเรา เรากำหนดทุกอย่างในชีวิตของเรา ยกเว้นเรื่องการดูแลสุขภาพ สิ่งดังกล่าวที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่รู้ว่าจะนิยามความหมายอย่างไร หรือเป็นเพราะเรายอมให้บุคคลอื่นเข้ามาเป็นผู้กำหนดเรื่องนี้ให้ตัวเราเองกันแน่? และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันมีโอกาสได้เข้าร่วมการเสวนา ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในฐานะส่วนหนึ่งของคณะผู้เชี่ยวชาญ ฉันตั้งคำถามแก่ผู้ฟังว่า ‘คุณนิยามสิ่งที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพอย่างไร' และคนเหล่านั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าแท้จริงแล้วคำตอบคืออะไร เราพบว่ามันยากที่จะกำหนดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเราไม่เคยชินกับรูปแบบระบบการคิดเช่นนั้น และเป็นการง่ายกว่าหากเราจให้บุคคลอื่นเป็นผู้จัดการเรื่องนี้แทน
เราคาดหวังถึงสิ่งที่ระบบจะให้เรา ผู้ป่วยจำนวนมากมักยอมรับต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพที่เป็นบรรทัดฐานในประเทศ คุณมักไม่เห็นการเคลื่อนไหวในระดับรากหญ้ามากเท่าที่ควรีเพื่อระบบการดูแลสุขภาพ เหมือนกับการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดคำถามว่า การดูแลสุขภาพเป็นสิทธิมนุษยชนหรือไม่?
มีการเคลื่อนไหวมากมายเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ความเสมอภาคทางเพศ สิทธิทางเชื้อชาติ สิทธิของ LGBTQ แต่การดูแลสุขภาพนั้นเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย เหตุใดเราจึงไม่ดำเนินการด้วยความเอาจริงเอาจังมากขึ้น เป็นปัจเจกบุคคลมากยิ่งขึ้น และเรียกร้องมากยิ่งขึ้น
การนิยามคำว่า ‘ดีที่สุด’ นั้นมีความหมายกับเราอย่างไร จำเป็นต้องศึกษาก่อนถึงจะสามารถดำเนินการได้ และในระดับภูมิภาค หากกล่าวถึง ‘การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด’ สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
คำตอบจะขึ้นอยู่กับว่าคุณตั้งคำถามกับใคร ความคาดหวังของผู้คนนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ อาทิเช่น ในประเทศอินเดีย คุณภาพของการรักษาพยาบาลนั้นเป็นสิ่งที่น่าสงสัย แต่มีการเข้าถึงในระดับที่ค่อนข้างดี
ความคาดหวังของผู้คนมักจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ ผู้ที่อาศัยในเขตเมือง เช่น ลอนดอน เดลี เซี่ยงไฮ้ ต่างคาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับความรวดเร็วอันเป็นผลเนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกและแพทย์อยู่ใกล้ แต่คนในชนบทจะต้องเดินทางและรอคอย ดังนั้นความคิดเห็นของพวกเขาที่มีต่อ ‘สิ่งที่ดี’ จึงมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
ผู้คนล้วนมีความคุ้นเคยต่อสังคมและสภาพแวดล้อมที่ตนเองอยู่ จึงนิยาม 'ดีที่สุด' จากประสบการณ์ตรงของตนเอง หลายคนที่ฉันรู้จัก พร่ำบ่นเรื่องการรอคิวในสหราชอาณาจักร บางครั้งต้องรอนานถึง 12 สัปดาห์กว่าจะได้พบผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ได้รับคุณภาพการดูแลอยู่ที่ดีมาก
ปัจจัยใดมีผลกระทบระดับโลกในแง่ของความเหลื่อมล้ำในการจัดหาบริการทางด้านสุขภาพ?
ผลประการหนึ่งคือการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผู้คนเดินทางเพื่อเข้าถึงการดูแลสุขภาพ เพราะในประเทศของตนขาดปัจจัยพื้นฐาน 3 ประการสำคัญของการดูแลสุขภาพ
ค่าใช้จ่าย
บางที่อาจจะมีราคาที่สูงเกินไป สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำหรับปัจจัยข้อนี้ สหรัฐอเมริกามีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดี ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงได้ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นสูงเกินไป นับเป็นเหตุผลหลักอันดับหนึ่งที่ส่งผลให้คนอเมริกันเลือกที่จะเดินทางเพื่อการดูแลสุขภาพ
จากการสัมภาษณ์ชาวอเมริกันจำนวนมากที่เดินทางเข้ารับการดูแลในแถบละตินอเมริกาหรือประเทศไทย เรื่องราคาแพงมากไป เป็นเหตุผลหลักที่คนอเมริกันจะเดินทางเพื่อการดูแลสุขภาพยังต่างประเทศ
ความโปร่งใส
ความโปร่งใสเป็นปัจจัยเรื่องคุณภาพในการดูแลสุขภาพที่ถูกมองข้ามมากที่สุด ฉันพบปัญหานี้โดยตรงกับตัวเองในสหรัฐอเมริกา ในการผ่าตัดของคุณแม่ ฉันขออำนาจจากอัยการเพื่อยื่นขอรายละเอียดค่าใช้จ่ายก่อนที่จะรับการผ่าตัด ใช้ระยะเวลายาวนานถึงสี่ชั่วโมงสำหรับการจัดทำรายการค่าใช้จ่ายและใบเรียกเก็บเงินขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่าไร สี่ชั่วโมง! สำหรับผู้ที่ประสงค์ที่จะชำระค่าใช้จ่ายเอง เพราะไม่สามารถเข้าถึง PMI ได้ จึงมีการลงนามเพื่อสละสิทธิ์ก่อนที่คุณจะรู้ค่าใช้จ่ายนับเป็นสิ่งที่ดูมีพิรุธแปลกไปเพราะคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่คุณกำลังเซ็นลงนามนั้นคืออะไร จากเหตุผลดังกล่าวข้อนี้ นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งสำหรับชาวอเมริกันในการเลือกเดินทางไปที่คอสตาริกา โคลอมเบีย และเม็กซิโกเพื่อเข้ารับการรักษาแทน
การรอคอย
บางครั้ง คุณกำลังพยายามเลี่ยงการรอคอยที่อาจกินระยะเวลายาวนานถึง 12 สัปดาห์ (อาทิเช่น ในสหราชอาณาจักรหรือประเทศแคนาดาที่มีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดี แต่ยังขาดปัจจัยเรื่องการเข้าถึง) ซึ่งในบางกรณีผู้ป่วยอาจเป็นโรคมะเร็งหรือมีปัญหาด้านหัวใจที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด่วนโดยทันที
คุณภาพ
อาจเป็นเพราะการขาดปัจจัยด้านคุณภาพในประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก คุณอาจเห็นผู้คนเดินทางไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแถบยุโรป สำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์มักมีความต้องการที่จะเข้าถึงคุณภาพที่ไม่มีในประเทศบ้านเกิดของเขาเอง บ่อยครั้งเป็นเพราะไม่มีความมั่นใจต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพของเขตท้องถิ่น ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ ราคาย่อมเยาว์สมเหตุสมผล แต่ไม่ไว้วางใจต่อคุณภาพ
ความคลุมเครือ
ฉันจะขอชี้แจ้งว่า ‘การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์’ นั้นมีคำจำกัดความที่เป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันอยู่ เพราะสิ่งที่ดำเนินการอยู่นั้นยังเกิดความคลุมเครือ ผู้คนเดินทางข้ามชายแดนเพียงเพื่อต้องการฟอกฟันขาว หรือเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือไม่ และผู้คนเดินทางเพื่อไปดำเนินการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) สิ่งนี้ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือไม่
คำจำกัดความนั้นอาจแคบหรือกว้างมาก และยังปราศจากตัวเลขที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ในบางประเทศ อาทิเช่น ประเทศคิวบา จะมีการจดบันทึกข้อมูลสำหรับเหตุผลในการเดินทางเพื่อเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ แต่สำหรับประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา นั้นไม่มีการดำเนินการในรูปแบบข้างต้น หากรัฐบาลกำหนดให้ ‘การแพทย์’ เป็นหนึ่งในเหตุผลสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ก็จะเป็นตัวช่วยวัดจำนวนได้ว่า มีผู้คนจำนวนกี่รายที่เดินทางมาเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งส่งผลให้เราสามารถคำนวณผลกระทบทางการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางด้านการฝึกอบรมแพทย์ ความสามารถในการจ่ายได้ และการเข้าถึง ประเทศใดมีความสมดุลของปัจจัยเหล่านี้ที่ดีที่สุด และมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร
จากบทความของนิตยสาร New York Times ที่มีชื่อว่า The Best Health Care Systems In The World: Which One You Would Pick? เดือนกันยายน ค.ศ. 2017 ได้จัดการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าประเทศใดมีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด (ระหว่างแคนาดา สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี หรือสหรัฐอเมริกา) ผลปรากฏว่าอันดับหนึ่งคือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศที่ตามมาเป็นอันดับสองคือประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองประเทศนั้นมีระบบที่มีลักษณะที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีระบบการประกันสุขภาพจากภาคเอกชนที่ดำเนินการภายใต้อาณัติจากภาษีรัฐบาล ทุกคนจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพและดำเนินการผ่านข้อแลกเปลี่ยนที่คุณสามารถจ่ายได้ โดยที่ทุกคนจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งก็มีทางเลือกให้หลากหลายมาก
ประเทศฝรั่งเศสถึงแม้จะมีทางเลือกที่ไม่หลากหลาย ในรูปแบบที่ประชากรส่วนใหญ่จะได้รับการดูแลด้วยระบบประกันสุขภาพแบบกองทุนเดียว และมีกลุ่มคนจำนวนไม่มากที่ซื้อประกันส่วนตัว
ถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีระบบที่มีความแตกต่างกันหลายแง่มุม แต่ทั้งสองประเทศก็มีระบบในการเข้าถึง คุณภาพ ความสามารถในการจ่ายได้ และความโปร่งใสให้แก่ผู้เข้ารับบริการ
หากคุณมีแผนการดูแลสุขภาพส่วนตัวกับที่ไหนสักแห่ง อาทิ เอ็ทน่า คุณจะได้เข้าถึงทางเลือกจากเครือค่ายขนาดใหญ่ หากคุณไม่มีแผนการดูแลส่วนตัวดังกล่าว ตัวเลือกในการเข้าถึงของคุณก็จะถูกจำกัดลง
แต่ระบบเหล่านี้ก็ยังมีปัญหาอยู่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากกล่าวอ้างถึงเรื่องทางการเมือง แต่ก็จำเป็นต้องพูดว่า ระบบเหล่านี้จะไม่สามารถดำเนินการต่อจนได้ผลอย่างที่เป็นในปัจจุบันได้ ด้วยจำนวนการใช้ผลประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ที่ไม่อยู่ในระบบภาษี ซึ่งเป็นหลักการของการจัดตั้งระบบการดูแลสุขภาพหลายแห่ง
ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะคาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพได้อย่างไรบ้าง?
และบทบาทของเทคโนโลยี (เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อการสวมใส่ โทรเวชกรรมในรูปแบบออนไลน์ เป็นต้น) ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับการดูแลสุขภาพนั้นเป็นอย่างไร?
ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจสุขภาพของตนเอง ทั้งทางด้านประสิทธิภาพ ด้านสุนทรียศาสตร์ ซึ่งมีเทคโนโลยี (ผู้บริโภค) เป็นตัวช่วย ผู้คนมีความต้องการที่จะดูแลสุขภาพระยะยาว และเทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ความรู้แก่ผู้คนเหล่านั้น
ความหลากหลายของอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยรักษาโรค และการสาธารณสุขทางไกลซึ่งเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีคนเดินทางเพื่อไปพบแพทย์น้อยลง เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตามเราก็จะเสียในเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วยไปบ้าง
ความสัมพันธ์ในรูปแบบมิลเลนเนียนจะแตกต่างออกไป เด็ก ๆ (ฉันจะไม่มีลูกของตัวเอง แต่ฉันดูแลหลานชายและหลานสาว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน) นั่งอยู่เบาะหลังรถ ไม่พูดคุยกัน เพียงแต่หัวเราะคิกคัก เพราะกำลังส่งข้อความพูดคุยกัน ในขณะเดียวกันคนบางรุ่นอาจชอบการนัดเจอแบบเห็นหน้าค่าตากันมากกว่า ในขณะที่วัยหนุ่มสาวชอบทำสิ่งต่างๆทางออนไลน์มากกว่า
การเลือกซื้อรถ บ้าน หุ้น และพันธบัตรนั้นมีความรู้เป็นพลังสำคัญ ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนหรือคอลเลสเตอรอลในตัวนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่มากยิ่งขึ้น เพิ่มความรับผิดชอบส่วนบุคคลและความสามารถที่ก้าวต่อไป ดังที่กล่าวไปแล้วว่าปัญหาส่วนตัวนั้นเป็นปัจจัยที่ท้าท้าย ผู้คนเริ่มตื่นตัวต่อการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น
บางทีนี่อาจเป็นเพราะอายุ เมื่อคุณอายุเข้า 40 ปี คุณจะเริ่มหันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง ซึ่งข้อมูลต่างๆนั้นก็เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ค้นคว้าหาข้อมูลได้
ความท้าทาย
การเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด ฉันกลายเป็นผู้บริโภคที่มความรู้และเป็นผู้สนับสนุนด้านสุขภาพของตนเอง ฉันอยู่ในวัยและช่วงชีวิตที่รู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้ตัว และเป็นช่วงเวลาที่เริ่มตระหนักถึงระบบการทำงานเพื่อการดูแลสุขภาพของตนเอง
สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ ต้องมีแรงผลักดันให้คนวัยหนุ่มสาวเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องสร้างวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาสุขภาพเมื่อมีอายุมากขึ้น ในวัย 20 คุณอาจคิดว่าตนเองจะอยู่ยงคงกระพัน คุณไม่จำเป็นต้องรอประสบการณ์เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตถึงค่อยเริ่มคิดได้ อย่างที่ฉันเคยเจอมาแล้ว เมื่อได้รับผลคำวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งที่รังไข่ เพียงหกสัปดาห์หลังจากการแต่งงาน การเข้าถึงข้อมูลมีบทบาทสำคัญ เป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจสุขภาพของตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในการปรับปรุงความสามารถในการเข้าถึงและลดต้นทุนลงได้ แต่ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ทำให้เสียความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วย (ประวัติส่วนตัว) การดูแลสุขภาพกลายเป็นธุรกรรมที่มีประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งในการเข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพแบบทางไกล ในขณะที่ยังคงรูปแบบแนวทางการรักษาแบบองค์รวมภายใต้สถานการณ์ของแต่ละบุคคล
อะไรคือสิ่งที่มีผลต่อการกระตุ้นการตัดสินใจของคุณในเรื่องการเลือกผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแล อาทิ บริษัทประกันภัยและนายหน้า นายจ้าง และรัฐบาล
ฉันคิดว่าประกอบไปด้วย 3 สิ่ง
รายละเอียดเกี่ยวกับภาพยนตร์
ในภาพยนตร์ของเธอเรื่อง GAUZE: Unravelling Global Healthcare คุณซูซานเปรียบเทียบและนำเสนอข้อแตกต่างของระบบการดูแลสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก โดยการไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลจำนวน 174 แห่ง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการดูแลสุขภาพในระดับนานาชาติ 65 คน จาก 24 ประเทศ “การเดินทางของฉัน คือการเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด เพราะฉันไม่มั่นใจในวิจารณญาณของตนเองว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีสุด”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์และรับชมคลิปวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ http://www.gauzethefilm.com
Gauze: Unravelling Global Healthcare graphic
บทสรุป : เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล (Aetna International) และที่สุดเพื่อการดูแลสุขภาพ
นิตยสาร The New York Times ระบุว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด ในขณะที่ผลจากโพลสาธารณะออกมาว่า ประเทศฝรั่งเศส
ถึงแม้ว่าแนวคิดเรื่องสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ ในแง่ของการดูแลสุขภาพนั้นอาจเป็นปัจจัยที่เป็นปัจเจกบุคคล แต่ก็มีตัวชี้ที่ชัดเจนว่า การดูแลสุขภาพที่ดี ได้แก่ ราคาที่สามารถจ่ายได้ ความสามารถในการเข้าถึงได้ ตลอดจนคุณภาพของการดูแล และความโปร่งใสในด้านต่างๆ ตั้งแต่ต้นทุนไปจนถึงผลลัพธ์
คุณซูซาน กล่าวไว้ว่า เราจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดีเยี่ยม เพื่อที่เราจะสามารถเลือกได้ด้วยตนเอง
เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล วัดการดำเนินการอย่างไร? และความมั่นใจว่าที่จะมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับสมาชิกได้อย่างไร?
แผนดูแลสุขภาพของเรานั้นมีราคาที่แข่งขันได้ ให้การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพสูงผ่านเครือข่ายโรงพยาบาลและแพทย์ที่กว้างขวาง หมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทุกที่ ทุกเวลาที่คุณต้องการ
เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ยังได้นำแนวทางแบบองค์รวมมาใช้ดำเนินการปฏิบัติงาน ตามที่คุณซูซานได้กล่าวว่าแนวทางดังกล่าวนี้เป็นกุญแจที่สำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพที่ดี ซึ่งที่เอ็ทน่า เราเรียกรูปแบบการดูแลประเภทนี้ว่า การดูแลสุขภาพอย่างมีคุณค่า หมายความว่าอย่างไรและมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร การดูแลสุขภาพโดยเน้นคุณค่าหมายถึงการเน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละบุคคล แทนที่จ่ายเงินเพื่อการรักษาตามที่ต้องการเท่านั้น เรามุ่งเน้นไปยังผลลัพธ์ทางด้านสุขภาพผ่านการเจาะไปถึงแต่ละบุคคล คุณภาพของการดูแล ลดความซ้ำซ้อนและการสิ้นเปลืองอย่างไร้ประโยชน์ การวิเคราะห์ข้อมูลของเราเข้าถึงรายบุคคลช่วยให้ได้ผลแม่นยำ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างสุขภาพชีวิตที่มีคุณภาพยาวนานขึ้น อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลแบบเน้นคุณค่าได้ ที่นี่
องค์กรได้รับผลประโยชน์อย่างไร
สำหรับนายจ้าง หมายถึงการได้รับการดูแลที่มีคุณค่าที่สุดในราคาที่ดีที่สุดที่คุ้มค่าที่สุดให้แก่พนักงานของคุณ เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนลช่วยให้พนักงานของคุณเข้าถึงการดูแลที่มีประสิทธิภาพได้ทุกที่ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด พนักงานที่มีส่วนร่วมและมีสุขภาพที่ดี หมายถึงมีการเคลมค่าสินไหมลดลง ก็จะส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงาน และต่อผลการทำธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย
การดูแลสุขภาพโดยเน้นคุณค่ายังช่วยให้คุณสามารถระบุได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าสมาชิกรายใดนั้นมีความเสี่ยง ซึ่งหมายถึงการแทรกแซงตั้งแต่แรกเริ่ม การร่วมมือเพื่อการดูแล การจัดการเกี่ยวกับเงื่อนไขและโปรแกรมสุขภาพไปด้วยกัน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
พนักงานจะได้รับผลประโยชน์อย่างไร
ขอขอบพระคุณ คุณซูซาน การ์เบอร์ เป็นอย่างสูงที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรา
เราต่างรู้ว่าปัจจัยใดที่จะทำให้มี ‘โรงแรมนั้นดีที่สุด' หรือ ‘คุณครูนั้นดีที่สุด’ และ 'เพื่อนที่ดีที่สุด’ แต่เราทุกคนรู้หรือไม่ว่า ‘การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด’ นั้นมีปัจจัยอะไรบ้าง
คุณซูซาน การ์เบอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ นักเขียน และผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งร้ายถึงสองครั้ง รู้ว่าปัจจัยนั้นคืออะไร
“ปัจจัยดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนมักไม่ค่อยคำนึงถึง” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันอบอุ่น “เรามักใช้เวลาสำหรับการหาร้านอาหารที่เราอยากไปรับประทาน มากกว่าการใช้เวลาคิดว่า จะเข้ารับการรักษาจากแพทย์หรือโรงพยาบาลไหนดี หัวข้อหนึ่งเป็นการตัดสินใจที่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่อีกหัวข้อเป็นเพียงเรื่องอาหารกลางวันเพียงมื้อเดียว ”
คุณซูซาน ในฐานะคณะกรรมการขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรและมนุษยธรรมหลายแห่ง เธอได้เข้าร่วมการเสวนาในที่ประชุมระดับนานาชาติในหัวข้อต่าง ๆ รวมถึงเครือข่ายทางการแพทย์ ความปลอดภัย และโลกาภิวัฒน์ ถือเป็นส่วนหนึ่งในงานของเธอ
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของเธอชื่อ GAUZE: Unraveling Global Healthcare เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอประสบการณ์จากการเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง เป็นบุคคลสองสัญชาติ และจากการดำรงชีวิตมาแล้วใน 8 ประเทศจากทั้งหมด 101 ประเทศที่เธอเคยไป เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล (Aetna International) ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณซูซานเพื่อสอบถามว่า สิ่งใดเป็นปัจจัยที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับการดูแลสุขภาพ ความแตกต่างของภูมิภาคที่มีผลต่อการรับรู้ถึงสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ และปัจจัยที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ผลกระทบของความแตกต่างในระดับภูมิภาคสำหรับการเข้าถึง ‘รูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด’

การดูแลสุขภาพสามารถประเมิณคุณค่าได้จากปัจจัย 3 ประการ
- คุณภาพ
- การเข้าถึง (หมายรวมถึงความสามารถที่จะจ่ายได้)
- ความโปร่งใส (สำหรับแง่มุมด้านราคาและผลลัพธ์ที่ได้รับ)
รูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดเป็นการดูแลแบบองค์รวม รวมถึง วิถีชีวิต แนวทางการโภชนาการ สุขภาพจิต การออกกำลังกาย เป็นรูปแบบที่แพร่หลายมากในแถบตะวันออกไกล ที่จะดูแลแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่การวินิจฉัยอาการใดอาการหนึ่งของแต่ละบุคคล โรงเรียนแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา แพทย์มักผ่านการสอนให้หาอาการเพื่อวินิจฉัยโรค โดยไม่คำนึงถึงการพิจารณาแบบองค์รวมทุกลักษณะอาการ ส่งผลให้มีประชากรจำนวนถึง 250,000 ราย ในสหรัฐอเมริกาต้องเสียชีวิตลงจากการวินิจฉัยที่ผิดพลาดทางการแพทย์*
[* แหล่งที่มา ผลการศึกษากรณีของ Johns Hopkins’ โดย Dr. Marty Makary ในวารสาร British Medical Journal (ฉบับเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016)]
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการ คณะแพทย์ และผู้ป่วยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลสำคัญเช่นเดียวกัน
งานส่วนหนึ่งของคุณคือการไปตรวจสอบหนังสือรับรองของโรงพยาบาลต่างๆทั่วโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ คุณคิดว่ารูปแบบการดูแลสุขภาพที่ ‘ดีที่สุด’ นั้นอยู่ที่ใด?
ไม่มีที่ไหนสมบูรณ์แบบ ในฐานะที่ฉันเคยไปมาแล้วทั้งหมด 101 ประเทศ เมื่อพิจารณา 3 ปัจจัยหลักคือ ความโปร่งใส การเข้าถึงได้ และคุณภาพ ไม่มีที่ใดเลยที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ
ประเทศสิงคโปร์นั้นมีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดี แต่ยังขาดความโปร่งใสในแง่ของผลลัพธ์
ประเทศฝรั่งเศสมีรูปแบบของระบบที่มีลักษณะพิเศษ เช่นเดียวกันกับสหราชอาณาจักร แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการรอคอย แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้วก็ถือว่าไม่ได้แย่มากนัก
ประเทศอินเดียมีการเข้าถึงที่ดี แต่บางเขตพื้นที่ยังขาดเรื่องคุณภาพ หากคุณมีเงิน คุณก็สามารถเข้าถึงคุณภาพได้เสมอ ซึ่งก็หมายถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น

เราต่างพูดถึงสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของวันหยุดที่ดีที่สุด กาแฟที่ดีที่สุด การนอนหลับพักผ่อนที่ดีที่สุดตลอดคืน แต่เรากลับไม่ได้นึกถึงการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด คุณไม่เคยได้ยินใครพูดว่า ‘ฉันมีแพทย์ที่ดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่ดีที่สุด’ หรือ 'ฉันมีลำไส้ที่ดีที่สุด’ เราต่างกำหนดสิ่งที่เราเลือกที่จะสวมใส่ สิ่งที่เราจะรับประทาน รวมถึงรูปแบบทรงผมของเรา เรากำหนดทุกอย่างในชีวิตของเรา ยกเว้นเรื่องการดูแลสุขภาพ สิ่งดังกล่าวที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่รู้ว่าจะนิยามความหมายอย่างไร หรือเป็นเพราะเรายอมให้บุคคลอื่นเข้ามาเป็นผู้กำหนดเรื่องนี้ให้ตัวเราเองกันแน่? และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันมีโอกาสได้เข้าร่วมการเสวนา ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในฐานะส่วนหนึ่งของคณะผู้เชี่ยวชาญ ฉันตั้งคำถามแก่ผู้ฟังว่า ‘คุณนิยามสิ่งที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพอย่างไร' และคนเหล่านั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าแท้จริงแล้วคำตอบคืออะไร เราพบว่ามันยากที่จะกำหนดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเราไม่เคยชินกับรูปแบบระบบการคิดเช่นนั้น และเป็นการง่ายกว่าหากเราจให้บุคคลอื่นเป็นผู้จัดการเรื่องนี้แทน
เราคาดหวังถึงสิ่งที่ระบบจะให้เรา ผู้ป่วยจำนวนมากมักยอมรับต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพที่เป็นบรรทัดฐานในประเทศ คุณมักไม่เห็นการเคลื่อนไหวในระดับรากหญ้ามากเท่าที่ควรีเพื่อระบบการดูแลสุขภาพ เหมือนกับการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดคำถามว่า การดูแลสุขภาพเป็นสิทธิมนุษยชนหรือไม่?
มีการเคลื่อนไหวมากมายเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ความเสมอภาคทางเพศ สิทธิทางเชื้อชาติ สิทธิของ LGBTQ แต่การดูแลสุขภาพนั้นเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย เหตุใดเราจึงไม่ดำเนินการด้วยความเอาจริงเอาจังมากขึ้น เป็นปัจเจกบุคคลมากยิ่งขึ้น และเรียกร้องมากยิ่งขึ้น
การนิยามคำว่า ‘ดีที่สุด’ นั้นมีความหมายกับเราอย่างไร จำเป็นต้องศึกษาก่อนถึงจะสามารถดำเนินการได้ และในระดับภูมิภาค หากกล่าวถึง ‘การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด’ สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
คำตอบจะขึ้นอยู่กับว่าคุณตั้งคำถามกับใคร ความคาดหวังของผู้คนนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ อาทิเช่น ในประเทศอินเดีย คุณภาพของการรักษาพยาบาลนั้นเป็นสิ่งที่น่าสงสัย แต่มีการเข้าถึงในระดับที่ค่อนข้างดี
ความคาดหวังของผู้คนมักจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ ผู้ที่อาศัยในเขตเมือง เช่น ลอนดอน เดลี เซี่ยงไฮ้ ต่างคาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับความรวดเร็วอันเป็นผลเนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกและแพทย์อยู่ใกล้ แต่คนในชนบทจะต้องเดินทางและรอคอย ดังนั้นความคิดเห็นของพวกเขาที่มีต่อ ‘สิ่งที่ดี’ จึงมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
ผู้คนล้วนมีความคุ้นเคยต่อสังคมและสภาพแวดล้อมที่ตนเองอยู่ จึงนิยาม 'ดีที่สุด' จากประสบการณ์ตรงของตนเอง หลายคนที่ฉันรู้จัก พร่ำบ่นเรื่องการรอคิวในสหราชอาณาจักร บางครั้งต้องรอนานถึง 12 สัปดาห์กว่าจะได้พบผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ได้รับคุณภาพการดูแลอยู่ที่ดีมาก

ผลประการหนึ่งคือการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผู้คนเดินทางเพื่อเข้าถึงการดูแลสุขภาพ เพราะในประเทศของตนขาดปัจจัยพื้นฐาน 3 ประการสำคัญของการดูแลสุขภาพ
ค่าใช้จ่าย
บางที่อาจจะมีราคาที่สูงเกินไป สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำหรับปัจจัยข้อนี้ สหรัฐอเมริกามีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดี ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงได้ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นสูงเกินไป นับเป็นเหตุผลหลักอันดับหนึ่งที่ส่งผลให้คนอเมริกันเลือกที่จะเดินทางเพื่อการดูแลสุขภาพ
จากการสัมภาษณ์ชาวอเมริกันจำนวนมากที่เดินทางเข้ารับการดูแลในแถบละตินอเมริกาหรือประเทศไทย เรื่องราคาแพงมากไป เป็นเหตุผลหลักที่คนอเมริกันจะเดินทางเพื่อการดูแลสุขภาพยังต่างประเทศ
ความโปร่งใส
ความโปร่งใสเป็นปัจจัยเรื่องคุณภาพในการดูแลสุขภาพที่ถูกมองข้ามมากที่สุด ฉันพบปัญหานี้โดยตรงกับตัวเองในสหรัฐอเมริกา ในการผ่าตัดของคุณแม่ ฉันขออำนาจจากอัยการเพื่อยื่นขอรายละเอียดค่าใช้จ่ายก่อนที่จะรับการผ่าตัด ใช้ระยะเวลายาวนานถึงสี่ชั่วโมงสำหรับการจัดทำรายการค่าใช้จ่ายและใบเรียกเก็บเงินขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่าไร สี่ชั่วโมง! สำหรับผู้ที่ประสงค์ที่จะชำระค่าใช้จ่ายเอง เพราะไม่สามารถเข้าถึง PMI ได้ จึงมีการลงนามเพื่อสละสิทธิ์ก่อนที่คุณจะรู้ค่าใช้จ่ายนับเป็นสิ่งที่ดูมีพิรุธแปลกไปเพราะคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่คุณกำลังเซ็นลงนามนั้นคืออะไร จากเหตุผลดังกล่าวข้อนี้ นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งสำหรับชาวอเมริกันในการเลือกเดินทางไปที่คอสตาริกา โคลอมเบีย และเม็กซิโกเพื่อเข้ารับการรักษาแทน
การรอคอย
บางครั้ง คุณกำลังพยายามเลี่ยงการรอคอยที่อาจกินระยะเวลายาวนานถึง 12 สัปดาห์ (อาทิเช่น ในสหราชอาณาจักรหรือประเทศแคนาดาที่มีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดี แต่ยังขาดปัจจัยเรื่องการเข้าถึง) ซึ่งในบางกรณีผู้ป่วยอาจเป็นโรคมะเร็งหรือมีปัญหาด้านหัวใจที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด่วนโดยทันที
คุณภาพ
อาจเป็นเพราะการขาดปัจจัยด้านคุณภาพในประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก คุณอาจเห็นผู้คนเดินทางไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแถบยุโรป สำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์มักมีความต้องการที่จะเข้าถึงคุณภาพที่ไม่มีในประเทศบ้านเกิดของเขาเอง บ่อยครั้งเป็นเพราะไม่มีความมั่นใจต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพของเขตท้องถิ่น ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ ราคาย่อมเยาว์สมเหตุสมผล แต่ไม่ไว้วางใจต่อคุณภาพ
ความคลุมเครือ
ฉันจะขอชี้แจ้งว่า ‘การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์’ นั้นมีคำจำกัดความที่เป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันอยู่ เพราะสิ่งที่ดำเนินการอยู่นั้นยังเกิดความคลุมเครือ ผู้คนเดินทางข้ามชายแดนเพียงเพื่อต้องการฟอกฟันขาว หรือเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือไม่ และผู้คนเดินทางเพื่อไปดำเนินการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) สิ่งนี้ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือไม่
คำจำกัดความนั้นอาจแคบหรือกว้างมาก และยังปราศจากตัวเลขที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ในบางประเทศ อาทิเช่น ประเทศคิวบา จะมีการจดบันทึกข้อมูลสำหรับเหตุผลในการเดินทางเพื่อเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ แต่สำหรับประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา นั้นไม่มีการดำเนินการในรูปแบบข้างต้น หากรัฐบาลกำหนดให้ ‘การแพทย์’ เป็นหนึ่งในเหตุผลสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ก็จะเป็นตัวช่วยวัดจำนวนได้ว่า มีผู้คนจำนวนกี่รายที่เดินทางมาเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งส่งผลให้เราสามารถคำนวณผลกระทบทางการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางด้านการฝึกอบรมแพทย์ ความสามารถในการจ่ายได้ และการเข้าถึง ประเทศใดมีความสมดุลของปัจจัยเหล่านี้ที่ดีที่สุด และมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร
จากบทความของนิตยสาร New York Times ที่มีชื่อว่า The Best Health Care Systems In The World: Which One You Would Pick? เดือนกันยายน ค.ศ. 2017 ได้จัดการแข่งขันเพื่อตัดสินว่าประเทศใดมีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด (ระหว่างแคนาดา สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี หรือสหรัฐอเมริกา) ผลปรากฏว่าอันดับหนึ่งคือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศที่ตามมาเป็นอันดับสองคือประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองประเทศนั้นมีระบบที่มีลักษณะที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีระบบการประกันสุขภาพจากภาคเอกชนที่ดำเนินการภายใต้อาณัติจากภาษีรัฐบาล ทุกคนจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพและดำเนินการผ่านข้อแลกเปลี่ยนที่คุณสามารถจ่ายได้ โดยที่ทุกคนจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งก็มีทางเลือกให้หลากหลายมาก
ประเทศฝรั่งเศสถึงแม้จะมีทางเลือกที่ไม่หลากหลาย ในรูปแบบที่ประชากรส่วนใหญ่จะได้รับการดูแลด้วยระบบประกันสุขภาพแบบกองทุนเดียว และมีกลุ่มคนจำนวนไม่มากที่ซื้อประกันส่วนตัว
ถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีระบบที่มีความแตกต่างกันหลายแง่มุม แต่ทั้งสองประเทศก็มีระบบในการเข้าถึง คุณภาพ ความสามารถในการจ่ายได้ และความโปร่งใสให้แก่ผู้เข้ารับบริการ
หากคุณมีแผนการดูแลสุขภาพส่วนตัวกับที่ไหนสักแห่ง อาทิ เอ็ทน่า คุณจะได้เข้าถึงทางเลือกจากเครือค่ายขนาดใหญ่ หากคุณไม่มีแผนการดูแลส่วนตัวดังกล่าว ตัวเลือกในการเข้าถึงของคุณก็จะถูกจำกัดลง
แต่ระบบเหล่านี้ก็ยังมีปัญหาอยู่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากกล่าวอ้างถึงเรื่องทางการเมือง แต่ก็จำเป็นต้องพูดว่า ระบบเหล่านี้จะไม่สามารถดำเนินการต่อจนได้ผลอย่างที่เป็นในปัจจุบันได้ ด้วยจำนวนการใช้ผลประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ที่ไม่อยู่ในระบบภาษี ซึ่งเป็นหลักการของการจัดตั้งระบบการดูแลสุขภาพหลายแห่ง

และบทบาทของเทคโนโลยี (เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อการสวมใส่ โทรเวชกรรมในรูปแบบออนไลน์ เป็นต้น) ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับการดูแลสุขภาพนั้นเป็นอย่างไร?
ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจสุขภาพของตนเอง ทั้งทางด้านประสิทธิภาพ ด้านสุนทรียศาสตร์ ซึ่งมีเทคโนโลยี (ผู้บริโภค) เป็นตัวช่วย ผู้คนมีความต้องการที่จะดูแลสุขภาพระยะยาว และเทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ความรู้แก่ผู้คนเหล่านั้น
ความหลากหลายของอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยรักษาโรค และการสาธารณสุขทางไกลซึ่งเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีคนเดินทางเพื่อไปพบแพทย์น้อยลง เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตามเราก็จะเสียในเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วยไปบ้าง
ความสัมพันธ์ในรูปแบบมิลเลนเนียนจะแตกต่างออกไป เด็ก ๆ (ฉันจะไม่มีลูกของตัวเอง แต่ฉันดูแลหลานชายและหลานสาว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน) นั่งอยู่เบาะหลังรถ ไม่พูดคุยกัน เพียงแต่หัวเราะคิกคัก เพราะกำลังส่งข้อความพูดคุยกัน ในขณะเดียวกันคนบางรุ่นอาจชอบการนัดเจอแบบเห็นหน้าค่าตากันมากกว่า ในขณะที่วัยหนุ่มสาวชอบทำสิ่งต่างๆทางออนไลน์มากกว่า
การเลือกซื้อรถ บ้าน หุ้น และพันธบัตรนั้นมีความรู้เป็นพลังสำคัญ ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนหรือคอลเลสเตอรอลในตัวนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่มากยิ่งขึ้น เพิ่มความรับผิดชอบส่วนบุคคลและความสามารถที่ก้าวต่อไป ดังที่กล่าวไปแล้วว่าปัญหาส่วนตัวนั้นเป็นปัจจัยที่ท้าท้าย ผู้คนเริ่มตื่นตัวต่อการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น
บางทีนี่อาจเป็นเพราะอายุ เมื่อคุณอายุเข้า 40 ปี คุณจะเริ่มหันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง ซึ่งข้อมูลต่างๆนั้นก็เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ค้นคว้าหาข้อมูลได้
ความท้าทาย
การเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด ฉันกลายเป็นผู้บริโภคที่มความรู้และเป็นผู้สนับสนุนด้านสุขภาพของตนเอง ฉันอยู่ในวัยและช่วงชีวิตที่รู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้ตัว และเป็นช่วงเวลาที่เริ่มตระหนักถึงระบบการทำงานเพื่อการดูแลสุขภาพของตนเอง
สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ ต้องมีแรงผลักดันให้คนวัยหนุ่มสาวเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องสร้างวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาสุขภาพเมื่อมีอายุมากขึ้น ในวัย 20 คุณอาจคิดว่าตนเองจะอยู่ยงคงกระพัน คุณไม่จำเป็นต้องรอประสบการณ์เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตถึงค่อยเริ่มคิดได้ อย่างที่ฉันเคยเจอมาแล้ว เมื่อได้รับผลคำวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งที่รังไข่ เพียงหกสัปดาห์หลังจากการแต่งงาน การเข้าถึงข้อมูลมีบทบาทสำคัญ เป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจสุขภาพของตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในการปรับปรุงความสามารถในการเข้าถึงและลดต้นทุนลงได้ แต่ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ทำให้เสียความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วย (ประวัติส่วนตัว) การดูแลสุขภาพกลายเป็นธุรกรรมที่มีประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งในการเข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพแบบทางไกล ในขณะที่ยังคงรูปแบบแนวทางการรักษาแบบองค์รวมภายใต้สถานการณ์ของแต่ละบุคคล
อะไรคือสิ่งที่มีผลต่อการกระตุ้นการตัดสินใจของคุณในเรื่องการเลือกผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแล อาทิ บริษัทประกันภัยและนายหน้า นายจ้าง และรัฐบาล
ฉันคิดว่าประกอบไปด้วย 3 สิ่ง
- การศึกษาหาข้อมูล ถือเป็นความรับผิดชอบอันดับหนึ่งที่ผู้ป่วยทุกคนที่จำเป็นต้องค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวกและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแพทย์ หาข้อมูลค่าใช้จ่ายในการรักษาของคุณ
- ผู้ให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือตัวเองและบุคคลอื่น อาจเป็นเรื่องยากที่ลำดับสถานการณ์ เพื่อจะเป็นอีกหนึ่งเสียงหรือเป็นหูเป็นตาให้แก่บุคคลอื่นได้ และหาทางช่วยหากคุณอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย
- สนับสนุน การยอมรับแบบสมยอมจำนวนมาก บางครั้งเราพูดว่า ‘โอเค' เมื่อมีคนแนะนำอะไรบางอย่างให้แก่เรา เพราะเราไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ดีกว่านั้น การสนันสนุนเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและการเข้าถึง เรากำลังให้ร่วมลงชื่อเพื่อสร้างเว็บไซต์ Change.org สนับสนุนความโปร่งใสในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นการบังคับให้ผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่ผู้ป่วยก่อนที่ให้บริการ คุณสามารถร่วมลงชื่อได้ที่นี่
รายละเอียดเกี่ยวกับภาพยนตร์
ในภาพยนตร์ของเธอเรื่อง GAUZE: Unravelling Global Healthcare คุณซูซานเปรียบเทียบและนำเสนอข้อแตกต่างของระบบการดูแลสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก โดยการไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลจำนวน 174 แห่ง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการดูแลสุขภาพในระดับนานาชาติ 65 คน จาก 24 ประเทศ “การเดินทางของฉัน คือการเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด เพราะฉันไม่มั่นใจในวิจารณญาณของตนเองว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีสุด”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์และรับชมคลิปวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ http://www.gauzethefilm.com
Gauze: Unravelling Global Healthcare graphic

นิตยสาร The New York Times ระบุว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด ในขณะที่ผลจากโพลสาธารณะออกมาว่า ประเทศฝรั่งเศส
ถึงแม้ว่าแนวคิดเรื่องสิ่งที่ ‘ดีที่สุด’ ในแง่ของการดูแลสุขภาพนั้นอาจเป็นปัจจัยที่เป็นปัจเจกบุคคล แต่ก็มีตัวชี้ที่ชัดเจนว่า การดูแลสุขภาพที่ดี ได้แก่ ราคาที่สามารถจ่ายได้ ความสามารถในการเข้าถึงได้ ตลอดจนคุณภาพของการดูแล และความโปร่งใสในด้านต่างๆ ตั้งแต่ต้นทุนไปจนถึงผลลัพธ์
คุณซูซาน กล่าวไว้ว่า เราจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดีเยี่ยม เพื่อที่เราจะสามารถเลือกได้ด้วยตนเอง
เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล วัดการดำเนินการอย่างไร? และความมั่นใจว่าที่จะมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับสมาชิกได้อย่างไร?
แผนดูแลสุขภาพของเรานั้นมีราคาที่แข่งขันได้ ให้การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพสูงผ่านเครือข่ายโรงพยาบาลและแพทย์ที่กว้างขวาง หมายความว่าคุณสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทุกที่ ทุกเวลาที่คุณต้องการ
เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ยังได้นำแนวทางแบบองค์รวมมาใช้ดำเนินการปฏิบัติงาน ตามที่คุณซูซานได้กล่าวว่าแนวทางดังกล่าวนี้เป็นกุญแจที่สำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพที่ดี ซึ่งที่เอ็ทน่า เราเรียกรูปแบบการดูแลประเภทนี้ว่า การดูแลสุขภาพอย่างมีคุณค่า หมายความว่าอย่างไรและมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร การดูแลสุขภาพโดยเน้นคุณค่าหมายถึงการเน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละบุคคล แทนที่จ่ายเงินเพื่อการรักษาตามที่ต้องการเท่านั้น เรามุ่งเน้นไปยังผลลัพธ์ทางด้านสุขภาพผ่านการเจาะไปถึงแต่ละบุคคล คุณภาพของการดูแล ลดความซ้ำซ้อนและการสิ้นเปลืองอย่างไร้ประโยชน์ การวิเคราะห์ข้อมูลของเราเข้าถึงรายบุคคลช่วยให้ได้ผลแม่นยำ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการสร้างสุขภาพชีวิตที่มีคุณภาพยาวนานขึ้น อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลแบบเน้นคุณค่าได้ ที่นี่
องค์กรได้รับผลประโยชน์อย่างไร
สำหรับนายจ้าง หมายถึงการได้รับการดูแลที่มีคุณค่าที่สุดในราคาที่ดีที่สุดที่คุ้มค่าที่สุดให้แก่พนักงานของคุณ เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนลช่วยให้พนักงานของคุณเข้าถึงการดูแลที่มีประสิทธิภาพได้ทุกที่ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด พนักงานที่มีส่วนร่วมและมีสุขภาพที่ดี หมายถึงมีการเคลมค่าสินไหมลดลง ก็จะส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงาน และต่อผลการทำธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย
การดูแลสุขภาพโดยเน้นคุณค่ายังช่วยให้คุณสามารถระบุได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าสมาชิกรายใดนั้นมีความเสี่ยง ซึ่งหมายถึงการแทรกแซงตั้งแต่แรกเริ่ม การร่วมมือเพื่อการดูแล การจัดการเกี่ยวกับเงื่อนไขและโปรแกรมสุขภาพไปด้วยกัน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
พนักงานจะได้รับผลประโยชน์อย่างไร
- คลินิกส่งเสริมสุขภาพเชิงตอบโต้ และโปรแกรมการดูแลแบบกลุ่มจะช่วยให้พนักงานมีสุขภาพที่ดี
- ฐานข้อมูลระบุตัวตนและการเข้าถึงรายบุคคลจะช่วยให้เข้าถึงปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดต่อสุขภาพได้เร็วขึ้น ทำให้มีสุขภาพดีขึ้น
- การริเริ่มแบบเจาะจงช่วยให้พนักงานมีสุขภาพดีขึ้นจากการให้ความรู้ การมีส่วนร่วม และการเสริมพลังให้กับพนักงาน
- การดูแลอาการเรื้อรังสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- สร้างความรู้สึกอบอุ่นใจให้กับพนักงานและครอบครัวว่า จะสามารถเข้ารับการดูแลที่มีประสิทธิภาพได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้
ขอขอบพระคุณ คุณซูซาน การ์เบอร์ เป็นอย่างสูงที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรา